สถิติการเยี่ยมชม

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ปายกัน

หนาวนี้ที่ “ปาย”
หลีกหนีความวุ่นวายเมืองกรุง หยุดพักกับงาน ทิ้งปัญหาไว้ข้างหลังชั่วคราว มุ่งหน้าสู่ที่สงบ ที่สวยงาม และที่ใฝ่ฝัน “ปาย” แบกเป้สีม่วงคู่ใจขึ้นรถทัวร์จากหมอชิตตีตั๋วเชียงใหม่ 9 ชั่วโมง บนรถเต็มไปด้วยความตื่นเต้น 



ใกล้สว่างรถทัวร์มาจอดที่สถานีขนส่งอาเขต เชียงใหม่ ฉันไม่รอช้ารีบลงจากรถเพื่อหารถต่อไปปาย ไม่ไกลจากรถทัวร์จะมีคิวรถตู้จอดเรียงกันเป็นแถว รอต้อนรับผู้คน ฉันเลือกที่จะไปด้วยรถตู้แทนที่จะไปรถแดง หรือรถหวานเย็น (ทำไมเรียกชื่อนี้ไม่รู้) แม้ว่าราคาจะแพงกว่าประมาณ 1 เท่า แต่เพื่อความรวดเร็ว แค่ 2 ชั่วโมงเศษ ถ้าเป็นรถหวานเย็นก็ 4 ชั่วโมงโน่น แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศรถหวานเย็นเหมาะทีเดียว
รถเล่นผ่านอำเภอแม่ริม เพื่อเริ่มต้นเส้นทางสู่แม่อ่องสอน เมืองปายเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ระหว่างแม่ฮ่อนสอนกับเชียงใหม่ เราจึงสามารถลงรถได้ที่แม่ฮ่องสอน หรือที่เชียงใหม่ก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางใด ก็คงหนีทางคดเคี้ยว สูงชัน ไม่พ้นแน่นอน
762โค้ง จากเชียงใหม่ปลายทางปายในเส้นทางใหม่ ถ้าเป็นเส้นทางสายเก่าทางแม่สะเรียงก็ปาเข้าไปพันกว่าโค้ง ใครกันนะที่ช่างสามารถไปนับกันตอนไหน ฉันกะจะลองนับสักหน่อยว่าเป็นจริงอย่างที่ว่าหรือเปล่า แต่แล้วได้ไม่ถึง10โค้งก็ต้องยอมยกธง นับไปนับมาฉันเมาโค้งเสียเอง เริ่มชักจะมึนหัวเสียแล้วซิ จะข่มตาให้หลับแต่บรรยากาศสองข้างทาง ต้นไม้เขียวๆ รถวิ่งทะลุสายหมอก เมฆลอยอยู่ในหุบเขาอยู่เบื้องล่าง ทำให้หลับไม่ลง อดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องขึ้นมาแชะรูป
ถึงตัวเมืองปาย ไม่รอช้าทุกนาทีมีความหมายในการเที่ยว เช่ารถมอไซต์แถวคิวรถตู้ 150บาท / วัน ค่ามัดจำอีก1000 อันดับแรกตระเวนหาที่พัก แต่ถ้าเป็นช่วงวันหยุดหรือเทศกาลควรจองล่วงหน้าไว้ดีกว่าเพื่อกันพลาด เวียนไปเวียนมาก็ลงตัวที่ 2 my friend ที่นี่เหมาะกับคนรักสงบไม่ไกลจากตัวเมืองมาก เปิดประตูออกมาจะเจอทุ่งนาสีเขียว กำลังตั้งท้อง วิวภูเขา เห็นพระธาตุแม่เย็นตั้งตระหง่านอยู่เชิงเขาโน่น เก็บข้าวของเสร็จ ล้างหน้าปะแป้งสักหน่อย ก่อนถึงเวลาต้องตระเวนเที่ยวกันแล้ว

เริ่มจากหมู่บ้านสันติชน เป็นหมู่บ้านชาวจีนที่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว บ้านแต่ละหลังทำด้วยดินเหนียวทรงจีนโบราณ มีสินค้าขึ้นชื่อคือใบชา ชิงช้าสีคน เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ ที่พลาดไม่ได้คืออาหารยูนนานที่นักท่องเที่ยวต้องแวะลอง เลยขึ้นไปหน่อยก็จะเป็นน้ำตกหมอแปง ช่วงนี้น้ำเยอะมาก ดอกบัวตองดอกไม้สีเหลืองชูคอทักทายกับผู้คนผ่านไปมาเป็นระยะๆ ก่อนจะบึ่งรถเข้าตัวเมือง ตระเวนดูร้านค้าน่ารักๆ แต่ละร้านต่างขุดคุ้ยไอเดียเก๋ๆ เจ๋งๆ มาตกแต่งร้านกัน และฉันก็พลาดไม่ได้ที่จะแวะร้านโปสการ์ดเพื่อเขียนส่งถึงตัวเองเก็บไว้ว่าครั้งหนึ่งฉันได้เคยมาเยือนปาย แวะจิบกาแฟร้านปายหนาว เพื่อคั่นเวลารอเดินเล่นตลาดคนเดินยามค่ำคืน มีของกินขายมากมาย ของใช้ของพื้นเมือง ก่อนขอตัวเข้านอนพักผ่อนเก็บแรงไว้ลุยต่อ
อาบน้ำแต่งตัวหยิบเสื้อหนาวใส่ผ้าพันคอสักผืนเช้านี้จะลุยห้วยน้ำดัง จุดชมทะเลหมอก ขับรถฝ่าสายหมอก ความหนาวเย็น เส้นทางคดโค้ง วันนี้หมอกเยอะมากปกคลุมไปทั่ว อาจเป็นเพราะเมื่อคืนฝนตก ขากลับแวะเที่ยวโป่งน้ำร้อน กองเลน ประพานประวัติศาสตร์ และที่ลืมไม่ได้ร้านกาแฟที่น่ารักมากบ้านสีเหลือง รั้วสีขาว มองเห็นแต่ไกล คอฟฟี่ อิน เลิฟ ซึ่งทุกคนที่มาปายต้องแวะร้านนี้เป็นทุกคน เหมือนในภาพที่ฉันเห็นในอินเตอร์เน็ตเลย นั่งจิบกาแฟชมวิวเพลินเลย อยากจะยึดเวลาให้วันวันนี้มีสัก 30 ชั่วโมง ก่อนจะขึ้นไปนมัสการพระธาตุแม่เย็นที่จะมองเห็นทิวทัศน์เมืองปาย ส่วนค่ำนี้ปิดฉากที่ตลาดคนเดินเช่นเคย เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ความสวยงาม ความสุข ที่บรรยายด้วยตัวอักษร ด้วยรูปภาพ ได้ไม่หมด ตื่นเช้าเก็บข้าวของเตรียมกลับกรุงเทพ ก่อนที่จะกลับขอแวะกินโจ๊กสักถ้วยกับปลาท่องโก๋ตัวโตๆ รองท้องสักหน่อยแล้วกัน
มีคนหลายคนบอกว่าปายเปลี่ยนไปมาก ถึงฉันจะเคยมาปายครั้งแรก แต่ฉันคิดว่าแม้ความเจริญทางวัตถุจะเข้ามา ตามวันเวลาที่แปรเปลี่ยน แต่ปายก็ยังคงเป็นปาย ปายยังคงเป็นเมืองเล็กๆ ที่โอบล้อมด้วยขุนเขา ยังมีเอกลักษณ์ในตัวเอง ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาสัมผัสมนต์เสน่ห์ของที่นี่ แล้วฉันจะกลับมาใหม่ “ปาย”
ขอบคุณที่มาจาก
นพรัตน์ ชูโสด เรียบเรียง
INNNEWS
และขอขอบคุณ tttonline.net



การรอคอย แต่ก็พยายามข่มตาให้หลับเพื่อผักผ่อนเอาแรงไว้ลุยในวันพรุ่งนี้ แต่ใครจะรู้ว่าใจฉันเดินทางเร็วกว่ารถทัวร์เสียอีก ล่วงหน้าไปรอฉันที่ปาย แล้วพรุ่งนี้เจอกัน “ปาย”

กระบี่...มรกตแห่งอันดามัน แดนสวรรค์ท้องทะเลไทย







'กระบี่' มรกตแห่งอันดามัน แดนสวรรค์ท้องทะเลไทย (คู่หูเดินทาง)

          จังหวัดกระบี่ เป็นจังหวัดทางภาคใต้ที่อยู่ในเขตชายฝั่งทะเลอันดามัน ห่างจากกรุงเทพฯ 814 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินปูน มีที่ราบแคบ ๆ ตามเชิงเขา และบริเวณชายฝั่งทะเล มีหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 130 เกาะ ส่วนใหญ่เป็นเกาะที่ไม่มีผู้คนอาศัย จะมีก็เพียงแค่ 13 เกาะ ที่มีการไปสร้างบ้านเรือนและตั้งถิ่นฐานอยู่ เช่น เกาะพีพี เกาะลันตา เกาะปอดะ เกาะไม้ไผ่ และเกาะห้อง เป็นต้น

          ด้วยความงดงามของท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ รวมไปถึงความสะดวกสบายของสถานที่เที่ยว ที่กิน และที่พัก ที่มีอยู่อย่างมากมายหลากหลายแห่ง จึงเป็นเรื่องไม่แปลกที่ "จังหวัดกระบี่" จะเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้แวะเวียนมาเยือนกันอย่างไม่ขาดสายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนแสนร้อนอย่างนี้



          สถานที่แรกที่เราจะแวะกันก็คือ อ่าวนาง ตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นจุดสำคัญสำหรับลงเรือไปท่องเที่ยวยังเกาะต่างๆ ประกอบด้วยชายหาดสวยงามหลายแห่ง เช่น หาดไร่เล หาดพระนาง มีทิวเขาขึ้นคั่นสลับซับซ้อนระหว่างหาดต่างๆ ดูสวยงามแปลกตา ตลอดระยะทางชายหาด 2 กิโลเมตร จะมีบริการโรงแรมที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และบริการทัวร์ต่าง ๆ ที่เปิดกันตั้งแต่ช่วงสาย ๆ จนเกือบตี 2 ของทุกคืน แสงไฟจากร้านค้าและร้านอาหารต่าง ๆ ในยามค่ำคืน มันบ่งบอกได้ถึงความเป็นที่นิยมของอ่าวนางได้เป็นอย่างดีทีเดียว

          จากที่นี่เราสามารถเลือกดูซื้อหาโปรแกรมทัวร์อันดามันได้หลายแบบ หลายระดับราคา ไม่ว่าจะทัวร์แบบส่วนตัว หรือหมู่คณะ ตลอดจนทัวร์รวมร่วมกับสาธารณชนแบบต่างคนต่างมา แต่ว่ามาลงเรือลำเดียวกัน ที่นี่ก็มีหมด โปรแกรมเด่น ๆ ในการเที่ยวทะเลกระบี่นั้นก็มี เช่น ทัวร์เกาะพีพี, ทัวร์เกาะห้อง, ทัวร์ 4 เกาะ ฯลฯ แบบ 1 Day Trip ครั้งนี้เรามีเวลาเที่ยวกันเพียง 3 วัน 3 คืน เราเลยเลือกที่จะไปทริปทัวร์เกาะพีพี และเกาะห้อง เพราะ 2 เกาะนี้ได้รับคำชมจากนักท่องเที่ยวนานาชาติ ว่าเป็นเกาะที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว ไหน ๆ ก็มาไกลกันขนาดนี้แล้วก็ขอเลือกเที่ยวที่ยอดนิยมกันก่อนเลย



          โดยวันแรกเราเลือกไป หมู่เกาะพีพี ซึ่งเป็นหมู่เกาะกลางทะเล อยู่ห่างจากอำเภอเมือง 42 กิโลเมตร เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการัง ดอกไม้ทะเล และปลาหลากสีที่มีสีสันสวยงาม โปรแกรมทัวร์นี้ส่วนใหญ่จะรวมรถรับ-ส่ง จากโรงแรมที่พักในเขตอ่าวนางหรือบริเวณใกล้ ๆ อ่าวนางมายังท่าเรืออ่าวนาง เพื่อลงเรือออกเที่ยวชมเกาะแก่งต่าง ๆ โดยเค้าจะดูจากสภาพอากาศว่าจะพาเราไปยังเกาะไหนก่อน ตามความเหมาะสมของระดับคลื่นลมฟ้าฝนในวันนั้น ๆ ซึ่งถ้าเป็นไปตามโปรแกรมปรกติแล้วก็จะเริ่มที่ เกาะพีพีเล ก่อน

          โดยเริ่มต้นที่การแวะชม ถ้ำไวกิ้ง ซึ่งเป็นเพิงผาถ้ำอยู่ทางทิศใต้ของเกาะพีพีเล ในซอกมืดหนึ่งของเพิงถ้ำมีภาพเขียนปรากฏอยู่บนผนังถ้ำในตำแหน่งเหนือศรีษะ เป็นภาพเรือใบสามเสา หัวงอน จึงเป็นที่มาของชื่อ "ไวกิ้ง" นอกจากนี้ ยังพบอักษรอาหรับโบราณปรากฎเป็นตัวเลข 1318 อย่างชัดเจน หรือจะเป็นการลงชื่อมาเยือนของชาวอาหรับ พร้อมลงเวลาในปฏิทินอิสลาม ซึ่งตรงกับสมัยของกรุงศรีอยุธยา ความสำคัญของถ้ำแห่งนี้ก็คือ มีการให้ทำสัมปทานรังนกนางแอ่นมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาแล้วจวบจนถึงปัจจุบันนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ ได้พระราชทานนามใหม่ให้กับถ้ำไวกิ้งว่า "ถ้ำพญานาค" ตามรูปร่างของหินงอกที่คล้ายรูปพญานาค





          จากนั้นเรือนำเที่ยวก็จะพาเราเข้าชม พีพีเลลากูน หรือห้องแห่งน้ำทะเลปิดภายในเกาะ มีช่องทางเข้าเล็กๆ พอเรือแล่นผ่านได้ ภายในเป็นเวิ้งน้ำที่ล้อมรอบด้วยผาสูงชันทุกด้าน น้ำเป็นสีฟ้าสวยใสมาก ๆ สามารถมองเห็นพื้นทรายขาวสะอาดใต้ท้องน้ำได้ โชคดีวันที่เราไปคลื่นลมสงบ ทางไกด์จึงอนุญาตให้ลงเล่นน้ำได้ประมาณ 15 นาที ซึ่งสร้างความสุขและความประทับใจให้เราเป็นอย่างมาก







          จากนั้นไปต่อที่ หาดโละซามะ อยู่ทางด้านใต้ของเกาะ อ่าวแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่ แต่มีความสงบเงียบ ริมอ่าวมีปะการังหลายประเภท เช่น ปะการังก้อน ปะการังแผ่น ปะการังถ้วย สามารถดำน้ำได้ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก จากนั้นไปชมความงดงามระดับฮอลลีวู้ดที่ อ่าวมาหยา ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Beach "อ่าวมาหยา" เป็นอ่าวหนึ่งของเกาะพีพีเล ลักษณะเป็นเวิ้งอ่าวขนาดเล็กรูปพระจันทร์เสี้ยวที่โอบล้อมด้วยขุนเขา มีทิวทัศน์สวยงาม น้ำทะเลเขียวสดใส หาดทรายขาวสะอาด เม็ดทรายเล็กละเอียดเนียนนุ่ม เหมาะแก่การมานอนอาบแดดและเล่นน้ำทะเลมาก ถือว่าเป็นจุดไฮไลท์ของการทัวร์หมู่เกาะพีพี




          จากนั้นออกเดินทางมาที่ เกาะพีพีดอน โดยแวะจอดเรือริมหน้าผาชายน้ำของ เกาะลิง เพื่อให้อาหารแก่ฝูงลิงป่า ดูความน่ารักแสนรู้และถ่ายรูปเล่น





          แล้วมาทานมื้อกลางวันกันที่ อ่าวต้นไทร บนเกาะพีพีดอน เกาะนี้มีจุดเด่น คือ เวิ้งอ่าวคู่ที่มีความสวยงามติดอันดับโลกของอ่าวต้นไทรและอ่าวโละดาลัม อ่าวต้นไทรเป็นที่ตั้งของท่าเรือเกาะพีพี มีสถานที่พักและร้านค้ามากมาย จากอ่าวต้นไทรสามารถเดินขึ้นเขาไปยังจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเวิ้งอ่าวคู่ได้



          จากนั้นก็แวะดำน้ำกันที่ จุดดำน้ำหินกลาง ซึ่งอยู่ระหว่างเกาะพีพีดอนกับเกาะไม้ไผ่ ตรงจุดนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดดำน้ำตื้นที่สวยงามที่สุดในหมู่เกาะพีพี มีทั้งปะการังหลากสีสันและมากด้วยฝูงปลาสวยงามนานาพันธุ์






          จบทริปเกาะพีพีวันนี้ที่ เกาะไม้ไผ่ ซึ่งเป็นเกาะที่มีชายหาดทรายสีขาวทอดยาวจากทิศเหนือไปยังทิศใต้ของเกาะ และยังเป็นแหล่งที่มีปะการังน้ำตื้นที่อุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวสามารถค้างแรมได้ โดยมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและลานกางเต้นท์ไว้บริการ

          สำหรับโปรแกรมวันที่ 2 เราเลือกโปรแกรมทัวร์ หมู่เกาะห้อง เป็นเกาะที่สวยอีกเกาะหนึ่งของทะเลกระบี่ มี่ด้วยกัน 7 เกาะ คือ เกาะห้อง หรือ เกาะเหลาบิเละ ซึ่งเป็นภาษามาลายู แปลว่า เกาะห้อง เหมือนกัน เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด และเป็นจุดไฮท์ไลของทริปนี้ อีก 6 เกาะที่เหลือได้แก่ เกาะลาดิง เกาะไร เกาะหินแดง เกาะผักเบี้ย เกาะลิง และเกาะถ้ำ







          เกาะห้อง ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกระบี่ แต่ค่อนไปทางจังหวัดพังงา จึงถูกจัดเข้าไปอยู่ในพื้นที่การดูแลของอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา โปรแกรมทัวร์หมู่เกาะห้องนี้มีจุดเริ่มต้นโดยออกเดินทางจากที่ท่าเรืออ่าวนางเช่นกัน โดยออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ เกาะแดง เป็นอันดับแรก เป็นเกาะขนาดย่อมซึ่งโดดเด่นด้วยกองหินน้อยใหญ่สีน้ำตาลแดง เกาะนี้มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ มีต้นมะพร้าว และป่าไม้เบญจพรรณประเภทไม้ชายหาดพุ่มเตี้ย มีเนินเขาและหน้าผา มีหาดทรายสวยงาม นักท่องเที่ยวจะนั่งอยู่เฉย ๆ บนเรือก็ยังสามารถมองเห็นแนวปะการังใต้ท้องน้ำ เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก

          เราดำน้ำดูปะการังกันได้สักพักแล้วก็ไปชม เกาะห้องลากูน หรือ อ่าวห้อง เกาะนี้มีลักษณะเป็นสระธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยผาหินสูงชันเกือบทุกด้าน ในช่วงที่น้ำขึ้นสามารถนำเรือไหลเข้าไปช้า ๆ ภายในนอกจากจะมีน้ำที่ใสสะอาดสงบนิ่งแล้ว ยังมีผืนป่าโกงกางที่อุดมสมบูรณ์รวมอยู่ด้วย




          เราก็มุ่งหน้าไป เกาะผักเบี้ย ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ทางด้านหลังของเกาะห้อง น้ำทะเลที่นี่ใสสะอาด เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ บรรยากาศเงียบสงบร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่อยู่ริมหาด แม้ว่าเกาะนี้จะมีแนวชายหาดที่ไม่กว้างมากนัก แต่ก็มีหาดทรายที่ขาวสะอาดไม่แพ้หาดอื่น ๆ ความสวยงามอีกจุดหนึ่งของเกาะนี้คือ เมื่อยามน้ำลงจะปรากฏสันทรายขึ้นเชื่อมระหว่างเกาะเบี้ย 2 เกาะ เราเรียกว่า "ทะเลแหวกมินิ" ระยะทางไม่กว้างมาก แต่ก็ทำให้เราได้เห็นภาพ น้ำทะเลใส หาดทรายขาว ภูเขาเขียว และท้องฟ้าสด ที่สร้างความประทับใจให้เราเป็นอย่างมาก จุดนี้เราได้แชะภาพที่ระลึกกันอย่างเมามันเลยทีเดียว





          เกาะสุดท้ายของโปรแกรมในวันนี้ที่เราจะแวะก่อนกลับขึ้นฝั่งคือ เกาะลาดิง หรือ เกาะเหลาลาดิง เกาะแห่งนี้มีทัศนียภาพโดยรอบที่สวยงาม ทั้งเวิ้งอ่าวเล็ก ๆ ซึ่งรายล้อมด้วยซอกหลืบโพรงผาหินปูนสูงชัน อันเป็นแหล่งพำนักอาศัยของบรรดานกนางแอ่น

         
หาดทรายสีขาวที่มีเนื้อเนียนละเอียด น้ำทะเลสีเขียวมรกตสดใส ด้วยความสวยงามดังกล่าวข้างต้นนี้เองที่ทำให้ชาวต่างชาตินิยมเรียกเกาะแห่ง นี้ว่า "Paradise Island" หรือ "เกาะสวรรค์" นักท่องเที่ยวนิยมมานอนอาบแดด เล่นน้ำ ให้อาหารปลา ถ่ายภาพกับทิวทัศน์ต่าง ๆ ในเกาะนี้ เมื่อใช้เวลากับเกาะนี้กันพอสมควรแก่เวลาแล้ว เราก็กลับสู่ท่าเรืออ่าวนาง เป็นอันจบโปรแกรมโดยสมบูรณ์






          การออกทริปแต่ละครั้งเรือจะออกเวลาประมาณ 9.00 น. และถึงเวลา 16.30 น. หากใครที่ชื่นชอบการดำน้ำและความสนุกตื่นเต้น ทริปเกาะพีพีน่าจะเหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ของคุณ เพราะมีการแวะพักให้เที่ยวหลายจุด แต่สำหรับใครที่ชอบการมาทะเลแบบชิลล์ ๆ ว่ายน้ำ อาบแดด นอนเล่นชายหาด ทริปเกาะห้องถือว่าเป็นทริปที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติแบบเต็มอิ่ม นอกจากโปรแกรมท่องเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ กลางทะเลแล้ว เมืองกระบี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่ควรแวะชมอีกมากมายในระหว่างเส้นทาง เช่น

          สระมรกต โดยอยู่อำเภอคลองท่อม สระนี้มีกำเนิดจากน้ำพุร้อนผุดออกมาจากตาน้ำ ไหลออกมาเป็นธารน้ำอุ่น อยู่ท่ามกลางผืนป่าอันร่มรื่น มีด้วยกันทั้งหมด 3 สระ คือ สระแก้ว สระมรกต และสระผุด แต่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำได้แค่บริเวณสระมรกตเท่านั้น และหากเดินตรงขึ้นไปจากสระมรกตประมาณ 500 เมตร เราก็จะได้พบกับตาน้ำที่เป็นต้นกำเนิดของสระมรกตแห่งนี้ ซึ่งมีสีเขียวอมฟ้า สดใสสวยงามดั่งมรกต มีอุณหภูมิประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส รอบ ๆ บริเวณมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ค่าเข้าชม เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30 - 17.00 น.





          ท่าปอมคลองสองน้ำ อยู่ในเขตอำเภอเมือง มีต้นกำเนิดมาจากแอ่งน้ำผุดบนเขา ไหลผ่านสระน้ำกลางป่าก่อนที่ไหลลงสู่ทะเลอันดามัน โดยคลองท่าปอมอยู่บริเวณรอยต่อของน้ำจืดกับน้ำเค็มพอดี ยามน้ำทะเลหนุนสูง น้ำในคลองที่จืดสนิทจะกลายเป็นน้ำกร่อย ครั้นพอน้ำลงน้ำจืดจากป่าต้นน้ำก็จะดันน้ำทะเลออกหมด ทำให้พื้นที่ธารน้ำท่าปอมเป็นป่าพรุ ที่มีลักษณะพิเศษ คือ มีน้ำเค็มและน้ำจืดไหลมาบรรจบกัน ทำให้เห็นแบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือ ชั้นล่างจะสีออกฟ้าอ่อน ๆ คล้ายสีน้ำทะเล ส่วนชั้นบนจะออกสีใส ๆ เพราะเป็นน้ำจืด
          เวลาที่เหมาะแก่การมาเที่ยวชม คือ ช่วงก่อนเที่ยงเราะช่วงนั้นน้ำทะเลจะขึ้นจึงทำให้เราได้เห็นสีของความแตกต่างของน้ำเหมือนขนมชั้น แถมบางครั้งเรายังเห็นสัตว์น้ำทะเลบางชนิดว่ายติดขึ้นมาด้วย ที่นี่จึงกลายเป็นระบบนิเวศเล็ก ๆ ที่มีถึง 3 ป่าในสถานที่เดียวกัน คือ ป่าโกงกาง พังกาหัวสุม ไม้พืชป่าชายเลน อยู่ร่วมกับต้นชมพู่น้ำ เป็นที่อยู่อาศัยของทั้งปลาน้ำจืดและน้ำกร่อย โดยมีสะพานไม้โดยรอบระยะทางประมาณ 700 เมตร สามารถล่องเรือแคนูหรือลงเล่นน้ำในจุดที่กำหนดไว้ได้ ค่าธรรมเนียมเข้าชม ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท ค่าเช่าเรือแคนู ชั่วโมงละ 100 บาท หรือ วันละ 700 บาท




          สุสานหอย อยู่ห่างจากอ่าวนางตรงไปตามทางหลวง 4203 ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร สุสานหอยแห่งนี้เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ถือเป็นความมหัศจรรย์ระดับโลก เพราะทั่วโลกมีเพียง 3 แห่งเท่านั้น คือ ที่สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไทย สุสานหอย เกิดจากการตายทับถมของซากฟอสซิลหอยโบราณจำนวนมากมากว่า 30 – 40 ปี ชั้นจึงหนามองดูคล้ายแผ่นคอนกรีต แต่ถ้าดูในแนวตัดจะเห็นเป็นเปลือกหอยตัวเล็ก ๆ อัดแน่นรวมกันอยู่อย่างชัดเจน ส่วนใหญ่เป็นพวกหอยขมน้ำจืด ค่าเข้าชม เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30 – 17.00 น.

          ความสวยงามของท้องทะเลไทยชายฝั่งอันดามันยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หากแต่ด้วยพื้นที่และเวลาที่มีจำกัด เราจึงคัดสรรมาฝากผู้อ่านได้แบบพอหอมปากหอมคอกันไปก่อน โอกาสหน้าฟ้าใหม่ถ้าเรามีทริปล่องใต้อีก สัญญาแน่นอนว่าจะไม่ลืมแน่นอนที่จะแวะมาเที่ยวที่ "กระบี่" อีก เพราะยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายที่รอให้เราเข้าไปสัมผัส เช่น เขาขนาบน้ำ หมู่เกาะปอดะ ถ้ำเสด็จ อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา ห้วยโต้ น้ำตกห้วยสะเด ถ้ำลอด ถ้ำผีหัวโต ถ้ำชาวเล น้ำตกหินเพิง เกาะลันตา ฯลฯ เป็นต้น แล้วอย่าลืมติดตามอ่านกันในโอกาสต่อไปนะคะ...

TIPS การเดินทาง

รถยนต์ส่วนตัว

          1. จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร-ระนอง-พังงา-กระบี่ ระยะทาง 946 กิโลเมตร

          2. จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ถึงจังหวัดชุมพร จากชุมพรใช้ทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอำเภอหลังสวน อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าอำเภอเวียงสระ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4035 ถึงอำเภออ่าวลึก แล้ววกเข้าทางหลวงหมายเลข 4 อีกครั้งหนึ่ง ถึงจังหวัดกระบี่ ระยะทาง 814 กิโลเมตร

          3. จากภูเก็ต ใช้ทางหลวงหมายเลข 402 และหมายเลข 4 ระยะทาง 176 กิโลเมตร

รถโดยสารประจำทาง

          มีรถออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ไปจังหวัดกระบี่ทุกวัน สอบถามข้อมูลและตารางเดินรถได้ที่ Call Center โทร.1490 เรียก บขส.